Agora (2009) มหาศึกศรัทธากุมชะตาโลก
VIDEO
เรื่องย่อ : Agora (2009) มหาศึกศรัทธากุมชะตาโลก
ดูหนัง Agora (2009) มหาศึกศรัทธากุมชะตาโลก
บทนำ
“Agora” เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความขัดแย้งทางศาสนาในยุคโบราณ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จักรวรรดิโรมันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางความเชื่อจากเทพเจ้าหลายองค์ไปสู่การนับถือพระเจ้าองค์เดียว นำเสนอผ่านตัวละครที่สร้างจากบุคคลจริงในประวัติศาสตร์อย่าง ไฮเพเทีย นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์หญิงที่มีชื่อเสียงในเมืองอเล็กซานเดรียในศตวรรษที่ 4
นักแสดงในเรื่อง
ภาพยนตร์ “Agora” มีนักแสดงที่มีชื่อเสียงหลายคน ได้แก่:
- Rachel Weisz รับบท ไฮเพเทีย
- Max Minghella รับบท ออสติน
- Oscar Isaac รับบท ออเรลิอุส
- Michael Lonsdale รับบท ซินดอน
- Ashraf Barhom รับบท โอเรสเตส
คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes
สำหรับคะแนนจากเว็บไซต์ต่าง ๆ:
- คะแนน IMDB: 7.2/10
- คะแนน Rotten Tomatoes: 60% (จากนักวิจารณ์) และ 74% (จากผู้ชม)
สรุปเนื้อเรื่อง
“Agora” ตั้งอยู่ในเมืองอเล็กซานเดรียในยุคที่ความขัดแย้งระหว่างศาสนาและวิทยาศาสตร์กำลังเกิดขึ้น ไฮเพเทีย (Rachel Weisz) เป็นนักปรัชญาและนักดาราศาสตร์ที่มีชื่อเสียง เธอเป็นผู้ที่ไม่ยอมรับความเชื่อที่เก่าแก่ และพยายามที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับจักรวาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ในขณะที่เธอกำลังค้นคว้าและสอนลูกศิษย์ของเธอ ความขัดแย้งระหว่างคริสเตียนและชาวนิโคลายัน (นิกายที่เชื่อในเทพเจ้าหลายองค์) เริ่มรุนแรงขึ้น เมืองอเล็กซานเดรียกลายเป็นสนามรบของความเชื่อ โดยมีการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มคนที่ต้องการรักษาความเชื่อเดิมและกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนแปลง
ไฮเพเทียต้องเผชิญกับความกดดันจากทั้งสองฝ่าย และเธอเริ่มต้องเลือกระหว่างความรักและความเชื่อ เมื่อมีชายสองคนที่รักเธอ หนึ่งในนั้นคือ ออสติน (Max Minghella) ซึ่งเป็นคนที่เธอเคยสอนและมีความรู้สึกต่อกัน ขณะที่อีกคนคือ ออเรลิอุส (Oscar Isaac) ที่เป็นนักรบที่มีความเชื่อมั่นในศาสนาคริสต์
การเลือกของไฮเพเทียในช่วงเวลาที่ความเชื่อและวิทยาศาสตร์กำลังถูกท้าทาย ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงความสำคัญของความรู้และการค้นหาความจริงในโลกที่เต็มไปด้วยความเชื่อและอคติ
บทส่งท้าย
“Agora” เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอประเด็นทางปรัชญาและวิทยาศาสตร์ในบริบทของความเชื่อและศาสนาได้อย่างลึกซึ้ง การแสดงที่ยอดเยี่ยมจากนักแสดงนำ และการถ่ายทอดเรื่องราวที่มีพลังทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่ควรค่าแก่การรับชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจในประวัติศาสตร์และความขัดแย้งทางความเชื่อในอดีต