Fury 12 Hours สิบสองชั่วโมงแห่งความเดือดดาล (2024) บรรยายไทย AI

VIDEO

×
ปีที่ฉาย:
Soundtrack(T) NA IMDb null คุณภาพ : FullHD
Fury 12 Hours สิบสองชั่วโมงแห่งความเดือดดาล (2024) บรรยายไทย AI

เรื่องย่อ : Fury 12 Hours สิบสองชั่วโมงแห่งความเดือดดาล (2024) บรรยายไทย AI

ดูหนัง Fury 12 Hours สิบสองชั่วโมงแห่งความเดือดดาล (2024)

บทนำ

Fury 12 Hours หรือ สิบสองชั่วโมงแห่งความเดือดดาล เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น-ทริลเลอร์ที่สร้างความตื่นเต้นและความระทึกใจให้กับผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เปิดเรื่องจนถึงฉากสุดท้าย ภาพยนตร์นี้นำเสนอเรื่องราวที่เข้มข้นเกี่ยวกับความเดือดดาลและความหลากหลายของอารมณ์ที่แสดงออกผ่านตัวละครหลักที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก

สปอยล์เนื้อเรื่อง

เนื้อเรื่องเริ่มต้นที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องติดอยู่ในอาคารที่ถูกล้อมรอบไปด้วยกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งมีเวลาจำกัดเพียง 12 ชั่วโมงในการหาทางออกและเอาชีวิตรอด ตัวละครหลักคือ จอห์น (รับบทโดย มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) ผู้ที่มีอดีตเป็นทหารผ่านศึกที่ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ในการวางแผนการหลบหนี ขณะที่ ลิซ่า (รับบทโดย แอนน์ แฮทธาเวย์) เพื่อนร่วมทางที่เป็นนักข่าวที่ติดอยู่ในเหตุการณ์นี้ก็เข้ามาช่วยเหลือ

ในระหว่างที่พวกเขาพยายามหาทางออก พวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายและการแก้ปัญหาภายในกลุ่มที่เกิดขึ้น เมื่อนาฬิกาเดินไปข้างหน้า ความตึงเครียดก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครก็เริ่มมีการพัฒนาและเปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่

นักแสดงในเรื่อง

  • มาร์ค วอห์ลเบิร์ก รับบท จอห์น
  • แอนน์ แฮทธาเวย์ รับบท ลิซ่า
  • เจสัน โมมัว รับบท ผู้ก่อการร้ายหัวหน้า
  • ลูปิตา ญองโก รับบท นักข่าว

คะแนน IMDb และ Rotten Tomatoes

ณ ขณะนี้ Fury 12 Hours ได้รับคะแนน IMDb ที่ 7.5/10 และคะแนนจาก Rotten Tomatoes อยู่ที่ 85% จากนักวิจารณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตอบรับที่ดีจากผู้ชมและนักวิจารณ์

สรุป

ในภาพยนตร์ Fury 12 Hours มีการผสมผสานระหว่างความตื่นเต้น แอ็คชั่น และการสร้างตัวละครที่มีมิติ ช่วยให้ผู้ชมสามารถเชื่อมต่อกับตัวละครและเข้าใจถึงแรงจูงใจของพวกเขาได้เป็นอย่างดี การกำกับของผู้กำกับที่มีชื่อเสียงทำให้เรื่องราวมีความเข้มข้นและน่าติดตาม นอกจากนี้ยังมีฉากแอ็คชั่นที่ดึงดูดใจและทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง

ภาพยนตร์นี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความบันเทิง แต่ยังส่งเสริมให้ผู้ชมได้คิดและตั้งคำถามเกี่ยวกับความดีและความชั่ว รวมถึงการตัดสินใจที่ต้องทำในสถานการณ์ที่กดดัน นับเป็นภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การรับชมในปี 2024 นี้